/

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

สุขภาพดี


สุขภาพดี ได้แก่
1. แอปเปิ้ลวันละผล  คำพูดที่ว่า an apple a day, keeps doctor away เป็นจริงเสมอ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลอนดอนพบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลวันละผลจะทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น จากแอนติออกซิเดนต์และสารในแอปเปิ้ลที่เรียกว่า quercetin ซึ่งช่วยทำให้ปอดแข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นระบบ
2.หายใจลึก ๆ   เราควรหายใจให้ลึกเพื่อขยายการทำงานของปอดและทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ แต่ทุกวันนี้เรามักหายใจสั้น ๆ เนื่องจากการทำงานในที่อับทึบหรือเพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันลองหายใจลึก ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง และต้องเป็นแบบหายใจเข้าท้องป่องหายใจออกท้องแฟบด้วยจึงจะเรียกว่าถูกวิธี
3.หลีกเลี่ยงการนำผักเข้าไมโครเวฟ   จากการวิจัยของสเปนพบว่า การทำผักให้สุกในไมโครเวฟจะทำให้สารอาหารหายไปได้ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทางเลือกที่เราควรจะเลือกคือ การรับประทานผักสด ๆ หลีกเลี่ยงผักแบบไมโครเวฟแม้อาหารกล่องอาจให้รสอร่อยแต่จงรู้ไว้ว่าสารอาหารนั้นไม่มีเหลือแล้ว
4.ขยับตัวเสมอสังเกตไหม  คนที่ขยับตัวอยู่เสมอจะมีระบบย่อยอาหารที่ดีกว่าคนที่เอาแต่นั่ง วิธีนี้ช่วยป้องกันอาการท้องผูกรวมไปถึงโรคกระดูกพรุนด้วย
5.ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว   น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนและวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและมีประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย เป็นต้น
6.เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง  ในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูงเมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลต่อการเกิดอาการชักได้
7.กินส้มช่วยแก้อาการเบื่อหน่ายได้  การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดได้ดีออกมาด้วย
8.การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม   อาหารมื้อเช้าช่วยต่อต้านการแข็งตัวของเลือด เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติจึงมีโอกาสที่หลอดเลือดจะอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงสมองจึงค่อย ๆ เสื่อม
9.ดาร์กช็อกโกแลตต่อต้านอนุมูลอิสระ   รู้ไหมว่า ช็อกโกแลตชนิดอื่น ๆ แทบไม่มีส่วนผสมของโกโก้เลยมีเพียงดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นที่เป็นช็อกโกแลตแท้ ๆ และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีสารเฟลวานอยด์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด โดยปริมาณที่เหมาะสมคือในแต่ละวันให้รับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์

10.สมการความสุข   คือ ความสุข b คือ ความรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุข อาทิ มีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นอย่างไร รู้จักองค์ประกอบของชีวิต เป็นต้น c คือ ความอยากในชีวิต หากมีความอยากมากกว่าความรู้ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขคนคนนั้นก็มีความสุขที่ติดลบ

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

อยากหุ่นดี

1. เพลิดเพลินใจในการกิน - เวลารับประทานคุณต้องนั่งลงในเป็นที่เป็นทางเสมอ
- รับประทานอาหารในรูปแบบคอนติเนนทัล ถือส้อมคว่ำลงไว้ในมือข้างที่ไม่ถนัด ตามอย่างคนยุโรป ซึ่งจะทำให้คุณรับประทานอาหารได้ช้าลง
- ฟังดนตรีขับกล่อมในระหว่างที่คุณรับประทานอาหาร จังหวะอันเชื่องช้า จะช่วยให้คุณผ่อนคลาดและสำรายใจกับอาหารของคุณ
2. กินอาหารจานเล็กกว่า -  เมื่อคุณทำอาหารรับประทานที่บ้าน หรือเลือกของอร่อยๆ จากโต๊ะบุฟเฟ่ต์ คุณต้องมีวินัยและตักอาหารให้น้อยกว่าที่คิดว่าคุณต้องการจะกิน คุณอาจจะประหลาดใจตัวเองที่รู้สึกอิ่มเร็วกว่าเดิม
- พยายามให้ทุกมื้อมีอาหารครบทั้งห้าหมู่ (รวมทั้งไขมัน) จะดีกว่าพยายามตัดไขมันออกจากโภชนาการของคุณ
- เพิ่มรสชาติให้กับอาหารของคุณด้วยน้ำมันมะกอก มัสตาร์ด กระเทียม หรือพริกไทยดำสด คุณจะได้เอร็ดอร่อยกัสิ่งที่กำลังรับประทานอยู่ และรู้สึกพอใจมากขึ้นด้วยจำนวนอาหารที่น้อยลง
3. กินตามใจอยาก - ให้ตัวคุณเองได้รับประทานอาหารที่สนุกสนานวันละครั้ง "คุณจะไม่รู้สึกเหมือนว่าต้องกินเค้กให้หมดเสียในวันนี้ เพราะคุณรู้ว่าจะกินได้อีกชิ้นในวันพรุ่งนี้"
- ขจัดความรู้สึกผิดและอย่าตีโพยตีพายกับตัวเองในภายหลัง "น้ำหนักของคุณจะไม่ขึ้นจากการกินคุกกี้เข้าไปหนึ่งชิ้น แต่ถ้าคุณพยายามหักห้ามใจแล้วจบลงด้วยการกินเข้าไปทั้งกล่อง คุณก็จะน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาหลายปอนด์"
4. อาหารกลางวันมื้อใหญ่ที่สุด - ตั้งเป้าที่จะกินอาหารกลางวันอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของอาหารโดยรวมทั้งวันของคุณ
- รับประทานในช่วงอาหารกลางวันให้เต็มที่ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกินสลัดไก่ ก็ให้เล็มผักใบสีเขียวก่อน จากนั้นก็กินไก่กับผักอื่นๆ แล้วกินแอปเปิ้ลหนึ่งลูกกับบรี (เนยเหลวชนิดหนึ่ง) ทำให้การกินแซนด์วิชของคุณยาวนานขึ้น โดยหั่นมันออกเป็นสี่ส่วนและเปิดแต่ละชิ้นขึ้นและกินมันด้วยมีดและส้อม
5. ไม่ทานอาหารว่าง - ฝึกร่างกายของคุณให้กินอาหารตรงตามมื้อเท่านั้น มันอาจจะใช้เวลา 5-10 วันที่จะเลิกนิสัยกินของว่าง เพราะฉะนั้นจนกว่าจะทำได้สำเร็จให้พยายามเบี่ยงเบนตัวเอง เมื่อคุณรู้สึกอยากขบเคี้ยวก็ให้ไปทำเล็ก โทรฯหาเพื่อนหรือไปเดินเล่น
6. ออกกำลังกาย แต่ในแบบที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าเป็นการออกกำลังกาย
- ลดการใช้เครื่องมือช่วย คุยกับเพื่อนร่วมงานอย่างเห็นหน้าเห็นตากัน แทนการใช้อีเมลซ่อนรีโมท เอาไว้เพื่อคุณจะได้ถูกผลักดันให้ต้องลุกขึ้นทุกครั้งที่ต้องการจะเปลี่ยนช่อง
- พยายามใช้ขั้นบันไดแทนลิฟท์หรือบันไดเลื่อน
7. วางแผนกิจกรรมทางสังคมที่กระฉับกระเฉงกับเพื่อนฝูง ไปเต้นรำ เล่นโรลเลอร์เบลด ปีนเขา หรือเดินเล่นอะไรก็ได้ที่ตรงข้ามกับการนั่งในบาร์ หรือในโรงภาพยนตร์เป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธีทำให้ผิวขาว



1. การขัดผิว เป็น วิธีทำให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทำาให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม
3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น
4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทำให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้
5. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตร วิธีทำให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้
วิธีทำให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก
 วิธีทำให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม
วิธีทำให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ
วิธีทำให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ
วิธีทำให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธีรักษาสิว

สิวแบ่งเป็น 2 ชนิด
1.สิวไม่อักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน (COMEDONE) แบ่งเป็น 2 ชนิด
1.1 สิวหัวปิด เห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ หัวขาว ๆ
1.2 สิวหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ
2. สิวอักเสบ คือสิวที่หัวแดง ๆ หรือ เป็นหนอง พวกนี้ก็คือ (COMEDONE) ที่มีการติดเชื้อ(BACTERIA) แทรกซ้อน ดังนั้น ถ้าเป็นสิวอักเสบ การทำความสะอาด ใบหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และการป้องกันไม่ให้มีการอุดตันที่รูขุมขน (COMEDONE) โดยการใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในตอนกลางวัน ก็พอจะช่วยให้สิวลดลงหรือป้องกันไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ คงต้องปรึกษาแพทย์ เพราะต้องใช้ปฏิชีวนะ (กินหรือทาแล้วแต่ความรุนแรงของสิว)
ใช้น้ำมะนาวเพื่อบรรเทา / รักษาสิว เป็นวิธีธรรมชาติในการรักษาสิวที่ง่ายและปลอดภัย
สามารถใช้ได้ทั้งทา บนผิวและดื่ม ทั้งสองวิธีจะช่วยลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นทั้งภายนอกและภายใน
ได้ มีทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้ว (ทาโดยตรงบนผิวหน้า และดื่ม) และพบว่าภายใน 3 สัปดาห์ สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าการผสมน้ำมะนาวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน จะช่วยให้ผลเร็วขึ้น
ทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิว  น้ำมะนาวมีกรดผล ไม้ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น สดใสด้วย

สูตร น้ำมะนาว / วิธีใช้
1.ล้างหน้าให้สะอาด
2.บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป
3.ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง
4.ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ
5. หากรู้สึกว่า  น้ำมะนาวนั้นแรงเกินไปแม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตามให้ทิ้งไว้  10  นาที  แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
วิธีการนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล
ดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาสิว สามารถ ใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย ดื่มง่าย และทำได้ง่าย ความจริงแล้วการ รักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ :
-ขจัดกรด ต่าง ๆ ที่ตกค้างออกไป เพราะน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ (วิตามินซี, โพแทสเซียม)
-บรรเทาอาการท้องผูก
-ทำความสะอาดตับด้วยกรดซิ ตริก และสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือด
-ช่วยกระบวนการย่อย อาหาร
-กำจัดนิ่วในไต และตับอ่อน
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำ มะนาว สูตร 1
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว
2.เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)
3.ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน
การ รักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 2
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)
2.ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า
3. หลังจากดื่มน้ำมะนาว  งดการดื่มหรือรับประทานสิ่งใดๆ    ภายในครึ่งชั่วโมงเพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย


ผิวขาวด้วยโยเกิร์ด

สาวๆ ยุคใหม่ที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวพรรณให้เรียบ เนียน สวยอยู่ตลอดเวลา วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม นี้ รายการ เคล็ดลับวันหยุดที่มาพร้อมกับพิธีกรสาวหุ่นเพรียว คาร่า พลสิทธิ์ จะมาบอกเคล็ดลับเพื่อผิวขาวสุขภาพดีที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากกับเคล็ดลับ โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า
คาร่ามีผิวขาวสุขภาพดีได้ ก็เพราะคาร่าได้บำรุงผิวพรรณจากโยเกิร์ตผสมน้ำผึ้งที่ได้จากธรรมชาติ และถ้าพูดถึงโยเกิร์ตแลวใครๆ ก็รู้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่า แถมยังเป็นอาหารผิวที่ดีได้อีกด้วยค่ะ ส่วนน้ำผึ้งนอกจากเป็นยาอายุวัฒนะแล้ว ก็ยังมีคุณค่าในด้านความสวยความงามด้วยค่ะ
สำหรับส่วนผสมของเคล็ดลับ โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง เริ่มจากน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ และโยเกิร์ตเปล่า 1 ถ้วยค่ะ นำมาคนให้เข้ากันแล้วนำมาทาให้ทั่วตัว จากนั้นใช้ปลายนิ้วขัดผิวเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกมาหลังล้างออก และยังเพิ่มความชุ่มชื้นและคงความขาวเนียนให้กับผิวได้อีกด้วยค่ะ อย่าลืมบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตเป็นประจำ ให้ทั่วทุกส่วนของร่างกายนะคะ เพื่อคุณจะได้เป็นเจ้าของผิวที่ขาว อมชมพูอย่างมีสุขภาพดีตลอดไปค่ะ

เคล็ดลับหน้าใส


เคล็ดลับหน้าใสด้วย 4 สูตร



      เคล็ดลับหน้าใสที่ผู้หญิงทุกคนอยากจะมี วันนี้มี 4 สูตรหน้าใสมาฝากเป็นเกร็ดความรู้และเคล็ดลับให้ลองทำ

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า ให้ท่านล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
นำโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้านั้นเอง